หลับเต็มอิ่มไม่ยาก หากรู้เทคนิคเลือกสีไฟในห้องนอน
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าหากอยากนอนหลับให้สนิท ห้องนอนควรปิดไฟมืดเสมอ แต่รู้ไหมว่าการเลือกสีไฟห้องนอนให้ถูกหลัก ก็มีส่วนช่วยให้หลับสบายได้ตลอดทั้งคืนเช่นกัน บทความนี้จะมาเผยเคล็ดลับการเลือกอุณหภูมิแสงไฟสำหรับห้องนอน พร้อมค้นพบโซลูชันปรับโทนแสงให้เหมาะกับการพักผ่อน ที่จะช่วยสร้างบรรยากาศให้เคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว และตื่นนอนอย่างสดชื่น ควรเลือกโทนสีไฟในห้องนอนอย่างไรให้หลับสบายที่สุด ไปหาคำตอบกันได้เลย
"สีไฟ" สำคัญอย่างไรสำหรับห้องนอน ?
สีไฟ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอุณหภูมิแสงไฟ (Color Temperature) หมายถึง การวัดลักษณะของแสงว่ามีโทนสีอุ่นหรือเย็น โดยเทียบจากแสงสีที่เปล่งออกมาจากหลอดไฟ มีหน่วยวัดเป็นองศาเคลวิน (K) หากอุณหภูมิต่ำ มีตัวเลขน้อย แสงที่เปล่งออกมาจะมีสีโทนร้อน เช่น สีเหลือง สีส้ม สีแดง แต่หากอุณหภูมิสูง ตัวเลขมาก จะให้แสงสีโทนเย็นอย่างสีขาวหรือสีฟ้าแทนประเภทของอุณหภูมิแสงไฟ
จากความหมายของอุณหภูมิแสงไฟข้างต้น เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อหลอดไฟได้ตอบโจทย์การใช้งานและมีประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนตัดสินใจซื้อ อย่าลืมตรวจเช็กประเภทอุณหภูมิแสงไฟที่ระบุไว้ข้างกล่อง โดยแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้- หลอดไฟแสงโทนอุ่น (Warm White)
อุณหภูมิของหลอดไฟประเภทนี้จะอยู่ที่ 2,000-3,000 เคลวิน ให้ความรู้สึกอบอุ่น โรแมนติก และผ่อนคลายคล้ายแสงเทียน มองแล้วสบายตา จึงเป็นหนึ่งในประเภทหลอดไฟที่นิยมนำมาใช้ในห้องนอนมากที่สุด - หลอดไฟแสงคูลไวต์ (Cool White)
หลอดไฟ Cool White มีอุณหภูมิสี 4,000-5,000 เคลวิน นิยมใช้ในบ้านเรือนและอาคารทั่วไป เนื่องจากให้ความรู้สึกสบายตา เป็นกลาง คล้ายแสงแดดยามเช้า เหมาะสำหรับพื้นที่ทำงานหรือห้องนั่งเล่น - หลอดไฟแสงเดย์ไลต์ (Daylight)
เป็นหลอดไฟที่มีอุณหภูมิสีสูงที่สุด คือ 6,000 เคลวิน จึงให้แสงสว่างโทนเย็นมากที่สุด ให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เหมือนแสงสว่างจากธรรมชาติในตอนกลางวัน แต่มักไม่นิยมนำมาใช้เป็นสีไฟในห้องนอนมากนัก
สรุปชัด สีไฟแบบไหนเหมาะกับห้องนอนที่สุด ?
ด้วยคุณสมบัติของอุณหภูมิแสงไฟสีต่าง ๆ เราสามารถสรุปได้ว่า หากอยากให้ห้องนอนมีบรรยากาศผ่อนคลาย เหมาะกับการพักผ่อน ควรเลือกใช้หลอดไฟ Warm White เป็นสีหลัก เพราะจะช่วยให้หลับสบายที่สุด ในขณะเดียวกันก็สามารถนำหลอดไฟสีอื่น ๆ เข้ามาผสมผสานให้การจัดแสงไฟในห้องนอนให้ดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นได้เช่นกัน เช่น การใช้ไฟ Cool White สำหรับโคมไฟข้างเตียง และแสงแบบ Daylight สำหรับโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อช่วยให้การแต่งตัวและแต่งหน้าง่ายขึ้น
เทคนิคใช้ไฟตกแต่งห้องนอน ออกแบบให้หลับสบายได้ทั้งคืน
เมื่อการจัดแสงในห้องนอนเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลถึงคุณภาพการนอนหลับ เพื่อให้คุณนอนสบายขึ้น เราจึงรวบรวม 3 เทคนิคการใช้ไฟตกแต่งห้องนอนให้หลับสนิทยิ่งขึ้นมาฝากกัน ดังนี้1. ใช้เทคนิค Indirect Light
เทคนิคนี้จะไม่ติดตั้งไฟให้ส่องลงภายในห้องโดยตรง แต่จะกระจายไฟไปทั่วทั้งห้องแบบสบายตา ด้วยการใช้แสงทางอ้อม ช่วยลดแสงจ้าและเงาที่รบกวนสายตา โดยเลือกใช้โคมไฟติดผนังที่ส่องขึ้นเพดาน หรือใช้ไฟ LED ซ่อนไว้ตามขอบเพดานหรือเฟอร์นิเจอร์ ทำให้แสงกระจายทั่วห้องอย่างนุ่มนวล สร้างบรรยากาศผ่อนคลายและเป็นมิตรกับดวงตา2. ใช้ไฟ Warm Light เป็นแสงหลัก
เลือกใช้หลอดไฟโทนอุ่นเป็นแสงหลักในห้อง เช่น แสงสีส้มอ่อน ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายพร้อมนอน นอกจากนี้ ยังจะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและพร้อมสำหรับการพักผ่อนอย่างเต็มที่3. เพิ่มความสวยงามด้วยการติดไฟส่องเน้น
ใช้ไฟส่องเน้น (Accent Lighting) เพื่อสร้างจุดสนใจและเพิ่มมิติให้กับห้อง เช่น ไฟตั้งโต๊ะส่องภาพบนผนัง หรือไฟ LED ซ่อนใต้เตียง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความสวยงามให้กับห้อง โดยไม่ทำให้ห้องสว่างจ้าเกินไป และควรเลือกใช้หลอดไฟที่สามารถหรี่แสงได้เพื่อปรับระดับความสว่างให้เป็นไปตามต้องการเปลี่ยนสีไฟในห้องนอนให้เหมาะสำหรับการพักผ่อนได้ในทุก ๆ วัน ด้วยหลอดไฟ RGB สำหรับแต่งห้อง เปลี่ยนสีได้ทุกอุณหภูมิ พร้อมประหยัดไฟได้มากกว่า สามารถเลือกซื้อได้ที่ Thai Electricity มีให้เลือกหลากหลายแบบ สั่งซื้อสะดวกผ่านช่องทางออนไลน์ หรือเลือกชมสินค้าจริงได้ที่สำนักงานของเรา ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา กิโลเมตรที่ 10 เดินทางสะดวก มีที่จอดรถ เปิดให้บริการวันจันทร์-วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 8.30-17.30 น.
ข้อมูลอ้างอิง
- ‘ไฟห้องนอน’ เลือกยังไงให้นอนหลับสบายเหมือนโรงแรมทุกคืน. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กันยายน จาก https://www.apthai.com/th/blog/living-series/bedroom-light-selection-like-hotel