• 0

    สินค้าที่ชอบ

    ไม่มีสินค้าที่ชอบ

  • 0

    ตะกร้า

    ไม่มีสินค้าในตะกร้า

Close

สมัครสมาชิก

Please.
Please.
Please.
Please.
Please.
Please.
Please.
Please.
Please.
Please.
Please.

*สมัครสมาชิกสําหรับผู้ประกอบการ จะต้องมีหนังสือรับรองบริษัทที่ไม่หมดอายุ

ลืมรหัสผ่าน

Please.

Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 แคล้มป์มิเตอร์ของช่างมืออาชีพ

แคล้มป์มิเตอร์ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 ใช้งานได้หลากหลาย

ถ้าพูดถึงเครื่องมือวัดทางไฟฟ้ายอดนิยมของช่างมืออาชีพ โดยเฉพาะช่างตามโรงงานต่าง ๆ คงจะหนีไม่พ้น “แคล้มป์มิเตอร์” ซึ่งใช้ในการวัดระดับกระแสไฟฟ้าโดยที่ไม่ต้องหยุดทำงาน และไม่ต้องสัมผัสกับตัววงจรไฟฟ้าโดยตรง ที่สำคัญคือ สามารถใช้งานในพื้นที่จำกัดได้

วันนี้เราเลยอยากจะขอแนะนำ แคล้มป์มิเตอร์ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 รุ่นยอดนิยมของช่างไฟทั้งหลาย มีฟังก์ชันหลากหลาย ใช้งานง่าย พกสะดวก จะเป็นอย่างไรบ้าง เราลองไปดูกัน

ประโยชน์ของแคล้มป์มิเตอร์

แคล้มป์มิเตอร์ (Clamp Meter) เป็นเครื่องมือวัดระดับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายไฟฟ้า สามารถวัดไฟฟ้าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวัดกระแสไฟฟ้าตรง กระแสสลับ และความต้านทาน สามารถใช้งานได้ทั้งตามบ้านเรือน อาคาร และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ

จุดเด่นของแคล้มป์มิเตอร์ นอกจากจะสามารถวัดกระแสไฟฟ้าได้หลากหลายรูปแบบแล้ว เนื่องจากไม่จำเป็นต้องหยุดการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเครื่องจักรระหว่างที่ทำการวัดกระแสไฟฟ้า และจุดเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ สามารถวัดกระแสไฟฟ้าในที่แคบ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แคล้มป์มิเตอร์ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200

Kyoritsu เป็นแบรนด์ชั้นนำในการจัดจำหน่ายเครื่องวัดไฟฟ้าหลากหลายประเภท และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็คือ แคล้มป์มิเตอร์ มีทั้งรุ่นแอนะล็อกที่ใช้เข็มและแบบดิจิทัล และวันนี้เราจะมาแนะนำแคลมป์มิเตอร์ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการใช้งานและบอกต่อกันอย่างแพร่หลายทั้งในบ้าน สำนักงาน และโรงงาน

รูปทรงของแคล้มป์มิเตอร์ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 เหมือนกับรุ่นอื่น ๆ คือ เป็นทรงสี่เหลี่ยมยาว ปลายมีส่วนที่เป็นก้ามปูเพื่อใช้ในการวัดไฟฟ้า สามารถปรับหมุนสวิตช์ (Rotary switch) เพื่อเลือกประเภทของกระแสไฟฟ้าได้หลากหลาย มาพร้อมหน้าจอแสดงผล และจุดต่อกับเข็มวัด (Test Lead)

เครื่องมือวัดทางไฟฟ้า แคล้มป์มิเตอร์ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200

จุดเด่นของ แคล้มป์มิเตอร์ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200

สำหรับแคล้มป์มิเตอร์รุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย สามารถวัดค่าไฟฟ้าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกระแสตรงหรือกระแสสลับ รวมถึงความต้านทานไฟฟ้า ไม่ต้องเป็นช่างมืออาชีพก็สามารถซื้อติดบ้าน เพื่อวัดตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่ระบุไว้ว่าตรงกับการใช้งานหรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบแบตเตอรี่ต่าง ๆ ได้อีกด้วย

ออกแบบตามมาตรฐานความปลอดภัยอยู่ที่ IEC 61010-1 CAT III 300V

ปกติแล้ว เครื่องวัดไฟฟ้าต่าง ๆ จะถูกกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์กรมาตรฐาน IEC (International Electrotechnical Commission) โดยมีเกณฑ์กำหนดมาตรฐานความปลอดภัย IEC 61010 ซึ่งเป็นการทดสอบมาตรฐาน 3 ด้านคือ แรงดันไฟฟ้าสภาพปกติ แรงดันไฟฟ้าสูงสุดของการเกิด Transient หรือสภาวะที่เกิดแรงดันสูงชั่วขณะในระยะเวลาสั้น ๆ และความต้านทานของแหล่งกำเนิด เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน โดยแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  1. CAT I (Category I) แรงดันระดับสัญญาณที่มีในอุปกรณ์สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ อย่างแผงวงจรไฟฟ้าต่าง ๆ โดยแรงดันไฟฟ้าสภาพปกติจะอยู่ที่ประมาณ 600-1,000 โวลต์ แรงดันไฟฟ้าสูงสุดของการเกิด Transient จะอยู่ที่ 2,500-4,000 โวลต์ และความต้านทานของแหล่งกำเนิดจะอยู่ที่ 30 โอห์ม
  2. CAT II (Category II) เป็นแรงดันระดับทั่วไป สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อย่างปลั๊กไฟ โคมไฟ โน้ตบุ๊ก โดยแรงดันไฟฟ้าสภาพปกติจะอยู่ที่ประมาณ 600-1,000 โวลต์ แรงดันไฟฟ้าสูงสุดของการเกิด Transient จะอยู่ที่ 4,000-6,000 โวลต์ และความต้านทานของแหล่งกำเนิดจะอยู่ที่ 12 โอห์ม
  3. CAT III (Category III) เป็นแรงดันระดับสายส่งไฟฟ้าในอาคาร ประเภท 1 เฟส และ 3 เฟส โดยแรงดันไฟฟ้าสภาพปกติจะอยู่ที่ประมาณ 600-1,000 โวลต์ แรงดันไฟฟ้าสูงสุดของการเกิด Transient จะอยู่ที่ 6,000-8,000 โวลต์ และความต้านทานของแหล่งกำเนิดจะอยู่ที่ 2 โอห์ม
  4. CAT IV (Category IV) เป็นแรงดันระดับสายส่งไฟฟ้า แต่เป็นสายส่งที่อยู่นอกอาคารประเภท 3 เฟส โดยแรงดันไฟฟ้าสภาพปกติจะอยู่ที่ 1,000 โวลต์ แรงดันไฟฟ้าสูงสุดของการเกิด Transient จะอยู่ที่ 12,000 โวลต์ และความต้านทานของแหล่งกำเนิดจะอยู่ที่ 2 โอห์ม

สำหรับ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 ได้ออกแบบตามมาตรฐานความปลอดภัยอยู่ที่ IEC 61010-1 CAT III 300V หรือก็คือ แรงดันระดับสายส่งไฟฟ้าในอาคาร จึงสามารถใช้งานได้ครอบคลุม ทั้งการวัดกระแสไฟฟ้าในบ้าน สำนักงาน อาคาร รวมถึงในโรงงานอุตสาหกรรม

อีกหนึ่งรุ่นยอดนิยมที่อยากแนะนำ คือ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 203 ที่จะตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น เรามาเปรียบเทียบให้ดูว่า Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 และ Kew Snap 203 แตกต่างกันอย่างไร และแต่ละรุ่นเหมาะกับใช้งานแบบไหน

เปรียบเทียบ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 และ Kew Snap 203

Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 และ Kew Snap 203 นั้นหน้าตาอาจจะเหมือนกันแต่มีความแตกต่างในการใช้งาน ของแต่ละรุ่นมาให้ดูกัน

  1. Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 เป็นรุ่นยอดนิยม เหมาะสำหรับช่างมือใหม่ ช่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นช่างแอร์ นักเรียน นักศึกษา ถือว่าเป็นเครื่องมือวัดไฟฟ้า เบื้องต้น ที่ควรมีไว้ติดตัวสำหรับช่างก็ว่าได้
  2. Kyoritsu รุ่น Kew Snap 203 อีกรุ่นที่ยอดนิยมที่ช่างมืออาชีพ หรือจะเป็นช่างมือใหม่เลือกใช้กันถือว่าจบใน เครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น ช่างยนตร์ ช่างซ่อมรถ ช่างซ่อมแบตเตอรี่ หรือจะเป็น อาชีพช่างติดตั้ง Solarcell ก็เลือกใช้ได้ สามารถพูดได้เลยว่าครบจบในเครื่องเดียว

Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 และ 203 สามารถอ่านค่าได้เหมือนกันคือ

  1. AC Amp (กระแสไฟฟ้ากระแสสลับ)
  2. DC Volt (แรงดันไฟฟ้ากระแสตรง)
  3. AC Volt (แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ)

แต่ที่ทำให้รุ่น Kew Snap 203 แตกต่างจาก Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 นั้นคือ สามารถอ่านค่า ของ DC Amp หรือที่เรียกว่า ไฟฟ้ากระแสตรง ได้ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเด่นของรุ่น Kyoritsu รุ่น Kew Snap 203 ที่เพิ่มขึ้นมา ที่ช่างหลายๆคนได้เลือกใช้กัน ซึ่ง DC Amp นั้นสามารถใช้วัดได้ แม้กระทั่งแบตเตอรี่ตอนที่ยังทำงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า แผงโซล่าเซลล์ มอเตอร์ที่ไม่ได้ใช้ไฟบ้าน หรือ อื่นๆ

ทำให้แคล้มป์มิเตอร์ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 และ Kew Snap 203 ทั้ง 2 รุ่นเป็นรุ่นยอดนิยมของช่างทั้งมือใหม่และมืออาชีพ รวมถึงนักเรียน นักศึกษา เลือกใช้กัน

แคล้มป์มิเตอร์ Kyoritsu รุ่น Kew Snap 200 และ Kew Snap 203 รุ่นนี้ที่ช่างไว้วางใจ ขนาดกะทัดรัด ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในบ้าน สำนักงาน และโรงงาน สามารถหาซื้อได้ที่ Thai Electricity ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Kyoritsu เรามีเครื่องวัดทางไฟฟ้าให้เลือกหลากหลาย สามารถสั่งซื้อได้ผ่านทางช่องทางออนไลน์ หรือมาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่สำนักงาน บนถนนรามอินทรา กิโลเมตรที่ 10 เดินทางสะดวก มีที่จอดรถ เปิดให้บริการวันจันทร์-วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 8.30-17.30 น.